ประเดิมด้วยบอนไซ "โพธิ์ขี้นก"
โพธิ์ขี้นก เป็นไม้ที่พบเห็นขึ้นทั่วไปในบ้านเรา หรือนำมาปลูกกันในบริเวณวัด
ส่วนใหญ่จะเห็นขึ้นอาศัยกับซากไม้ หรือตอไม้อื่น แล้วจะหยั่งรากลงสู่พื้นดิน เมื่อโตเต็มที่จะมีกิ่งก้านสาขาและรากขนาดใหญ่
หรือขึ้นอยู่ในซอกตึกซอกกำแพง
ซึ่งเกิดจากมูลนกที่กินผลโพธิ์แล้วถ่ายมูลไว้เมื่อได้ความชื้นที่เหมาะสมก็จะขึ้นเป็นต้น จึงเรียกกันว่า “โพธิ์ขี้นก”
เป็นไม้อีกชนิดหนึ่งที่นำมาเลี้ยงเป็นบอนไซได้
อาจทำเป็นฟอร์มทรงต้นหรือเกาะหิน เสน่ห์และความสวยงามของบอนไซโพธิ์ขี้นก
อยู่ที่ตอหรือลำต้นที่เป็นสีเทาออกขาวและลีลาของราก ถึงแม้ว่าใบจะมีขนาดใหญ่ไปหน่อย
แต่ถ้าเพราะเลี้ยงไปนานๆ หรือเป็นบอนไซที่จบแล้ว ขนาดของใบจะเล็กและข้อใบจะถี่
จากประสบการณ์การเลี้ยงบอนไซโพธิ์ขี้นกของผู้เขียน
เรื่องดินปลูกเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ตอนที่ยังไม่มีประสบการณ์เคยใช้ดินร่วนผสมปุ๋ยคอกเป็นวัสดุปลูก
เมื่อรดน้ำไปนานๆ ดินจะแน่นไม่ระบายน้ำ ทำให้รากฝอยไม่เดิน และเกิดการทิ้งกิ่ง
ซึ่งเป็นปัญหาที่นักเลี้ยงบอนไซไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะกว่าที่เราจะสร้างกิ่งบอนไซให้ได้ตามจินตนาการหรือตามจังหวะลีลาตามที่ต้องการได้
ต้องใช้เวลานานอาจถึง 5 – 10 ปี โพธิ์ขี้นกที่ดินปลูกแน่นหรือแฉะจะทิ้งกิ่งบ่อยมาก
ทำให้ฟอร์มหรือทรวดทรงที่ทำไว้เสียหาย บางทีถึงกับต้องรื้อทิ้ง (ตัดแต่งใหม่)
วัสดุปลูกที่เหมาะสมที่ผู้เขียนใช้ในการปลูกบอนไซโพธิ์ขี้นกซึ่งเห็นว่าใช้ได้ผลดีทีเดียว
ประกอบด้วยอิฐทุบ เศษถ่าน ทรายหยาบ และปุ๋ยหมัก
ส่วนที่เป็นอิฐทุบถ้าทุบเองให้ใช้ลวตตะแกรง (ที่ใช้ทำมุ้งลวด)
ร่อนเอาส่วนที่เป็นผงละเอียดทิ้ง ทั้งอิฐทุบ เศษถ่าน และปุ๋ยหมัก จะระบายน้ำและเก็บความชื้นได้ดี
รากฝอยเดินได้สะดวก แทบไม่มีปัญหาการทิ้งกิ่ง
บอนไซโพธิ์ขี้นกในภาพด้านบน ผู้เขียนเลี้ยงมาประมาณ 15 ปีแล้ว โดยไปถาก(ตัด)เอาตอมาจากซากไม้ที่ตายแล้ว มีรากติดมาน้อยมาก เบื้องต้นเอาตอมาอนุบาล ชำไว้ในวัสดุทรายหยาบผสมขุยมะพร้าวเพื่อสร้างราก ได้ 1 ปี ก็เอาขึ้นกระถางเลย ตอเดียวแต่มี 3 ลำต้นเบียดชิดกัน รากไม่ใหญ่เพราะต้นนี้ไม่เน้นการสร้างราก (ดูแล้วเหมือนกับตัดเอาตอไม้มาจิ้มลงในกระถาง) แต่รากหากิน (รากฝอย) แน่นกระถาง
กระถางปลูก เป็นกระถางปูนราคาถูก (เอาประหยัดไว้ก่อน)
เคยไปถามราคากระถางดินเคลือบที่จตุจักรแบบและขนาดเท่านี้ ราคาถึง 3000 บาท
วิ่งหนีออกจากร้านแทบไม่ทัน